ดูโพสต์นี้บน Instagram ครั้งแรกที่ได้ฟังเนื้อเพลง ความหมาย ในวันประชุมส่งเนื้อเพลง พอฟังปุ๊บ ผมโพล่งขึ้นมาในที่ประชุมเลยว่า "นี่มันเพลงชีวิตของกูชัดๆ ผมจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงthemeในงานแต่งงานตัวเอง และจะร้องเพลงนี้ในงานแต่งตัวเองด้วย" และก็ได้ใช้เพลงนี้จริงๆในvideo presentation งานแต่งของตัวเอง เหตุผลที่ผมชอบเพลงนี้เหลือเกิน และยิ่งฟังมัน ก็คอนเฟิมได้ว่า ผมชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้มวิชาตัวเบานี่ ก็คือมันตรงกับชีวิตที่สุด และเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งและถูกต้องที่สุดในชีวิต..... ก่อนที่จะเจอคุณนุ้ยภรรยาของผม ผมว่างเว้นจากการมีใครสักคนมา13ปีเศษ ช่วง13ปีที่ว่านี้ผมทำงานหนักเหลือเกิน ทั้งเล่นดนตรี สอนร้องเพลง อัดเสียง และพากย์หนัง จนกระทั่งมาอยุ่กับบอดี้แสลม ได้พิสูจน์ตัวเอง ได้ก้าวไปข้างหน้า ทำงานใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจมากมาย แต่ไม่รุ้จะแบ่งปันความสุขนี้ให้ใคร เรียกได้ว่ายิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรุ้สึกเปล่าเปลี่ยวและโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น จบคอนเสิร์ตใหญ่ๆแต่ละครั้ง ทุกคนจะมีแฟนมาให้กำลังใจและรอรับพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยุ่หลังเวทีอยุ่เสมอ แต่ไม่ใช่กับผม ผมไม่เคยมีใครมาร่วมชื่นชม ผมไม่รุ้จะเล่าให้ใครฟังจริงๆว่าผมมีความสุขแค่ไหนในสิ่งที่ทำและสิ่งที่เป็นอยุ่.... แต่ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้วครับ ต่อไปนี้จะมีคน2คนที่ทำให้ผมรุ้ว่า ไอ้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดทั้งชีวิต และที่จะมีชีวิตต่อจากนี้เพื่อใคร..ผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้ว #อินดี้อ้วนน้อย โพสต์ที่แชร์โดย Ohm Plengkhum (@ohmie17) เมื่อ เม.ย. 30, 2020 เวลา 11:57pm PDT
ครั้งแรกที่ได้ฟังเนื้อเพลง ความหมาย ในวันประชุมส่งเนื้อเพลง พอฟังปุ๊บ ผมโพล่งขึ้นมาในที่ประชุมเลยว่า "นี่มันเพลงชีวิตของกูชัดๆ ผมจะใช้เพลงนี้เป็นเพลงthemeในงานแต่งงานตัวเอง และจะร้องเพลงนี้ในงานแต่งตัวเองด้วย" และก็ได้ใช้เพลงนี้จริงๆในvideo presentation งานแต่งของตัวเอง เหตุผลที่ผมชอบเพลงนี้เหลือเกิน และยิ่งฟังมัน ก็คอนเฟิมได้ว่า ผมชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้มวิชาตัวเบานี่ ก็คือมันตรงกับชีวิตที่สุด และเพลงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะเหม็งและถูกต้องที่สุดในชีวิต..... ก่อนที่จะเจอคุณนุ้ยภรรยาของผม ผมว่างเว้นจากการมีใครสักคนมา13ปีเศษ ช่วง13ปีที่ว่านี้ผมทำงานหนักเหลือเกิน ทั้งเล่นดนตรี สอนร้องเพลง อัดเสียง และพากย์หนัง จนกระทั่งมาอยุ่กับบอดี้แสลม ได้พิสูจน์ตัวเอง ได้ก้าวไปข้างหน้า ทำงานใหญ่ที่น่าภาคภูมิใจมากมาย แต่ไม่รุ้จะแบ่งปันความสุขนี้ให้ใคร เรียกได้ว่ายิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรุ้สึกเปล่าเปลี่ยวและโดดเดี่ยวมากขึ้นเท่านั้น จบคอนเสิร์ตใหญ่ๆแต่ละครั้ง ทุกคนจะมีแฟนมาให้กำลังใจและรอรับพร้อมช่อดอกไม้ช่อใหญ่อยุ่หลังเวทีอยุ่เสมอ แต่ไม่ใช่กับผม ผมไม่เคยมีใครมาร่วมชื่นชม ผมไม่รุ้จะเล่าให้ใครฟังจริงๆว่าผมมีความสุขแค่ไหนในสิ่งที่ทำและสิ่งที่เป็นอยุ่.... แต่ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้วครับ ต่อไปนี้จะมีคน2คนที่ทำให้ผมรุ้ว่า ไอ้สิ่งที่ทำมาทั้งหมดทั้งชีวิต และที่จะมีชีวิตต่อจากนี้เพื่อใคร..ผมคิดว่าผมได้คำตอบแล้ว #อินดี้อ้วนน้อย
โพสต์ที่แชร์โดย Ohm Plengkhum (@ohmie17) เมื่อ เม.ย. 30, 2020 เวลา 11:57pm PDT